Loading...
มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์
จันทร์ - ศุกร์ : 08.30 - 16.30 น.
056-219100-29
การเรียนการสอน ศิลปะและวัฒนธรรม

โครงการบูรณาการศาสตร์พระราชากับการพัฒนาท้องถิ่น สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2

SDGs : 4

14 มีนาคม 2567 คณะครุศาสตร์

ชื่อโครงการ
โครงการบูรณาการศาสตร์พระราชากับการพัฒนาท้องถิ่น ส าหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2
ผู้รับผิดชอบโครงการ
อาจารย์ปรียาภรณ์ คงแก้ว, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทินกร ชอัมพงษ์, อาจารย์อังศุมาลิน ติดตระกูลชัย, ว่าที่ร.ต.วีรภัทร หมวกเอี่ยม
หลักการและเหตุผล
ศาสตร์พระราชา คือภูมิปัญญาของพระราชา (king wisdom) รัชกาลที่ ๙ ที่พระองค์ทรง
ทดลองใช้น าไปปฏิบัติจนเป็นผลส าเร็จแล้วจึงน าไปบอกแนะน าให้พสกนิกรของพระองค์น าไปใช้นอกจากบอก
แล้วยังตามไปดูว่าได้ผลหรือไม่อย่างไร เป็นกระบวนการท างานเชิงวิจัยของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระ
ประสงค์ที่พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานไว้เมื่อคราวเสด็จขึ้นครองราชย์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะ
ครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นประโยคที่อัศจรรย์มาก (Magic word)
ไม่ใช่เพียงค าที่ผ่านเลยไป หากแต่อยู่ในดวงพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านตลอดมาผลงานเป็นสักขีพยานชี้ชัด
ในเวลามากกว่า ๗๐ปีที่ทรงครองราชย์ที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติตนลงไปเยี่ยมราษฎรทุกพื้นที่ของประเทศ
โดยเฉพาะถิ่นทุรกันดาร ที่ห่างไกลความเจริญ พระองค์เข้าถึงและเข้าไปแบบธรรมชาติเพื่อให้เห็นปัญหาอย่าง
แท้จริง พระองค์จึงเป็นผู้ที่ได้รวมจิตใจของชาติอย่างแท้จริง พระองค์มิใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของสถาบัน
พระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่ทรงเป็นสัญลักษณ์ของทั้งชาติกล่าวคือ “สัญลักษณ์ของชาติศาสนา
พระมหากษัตริย์”ศาสตร์แห่งพระราชากับการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น 137 หลักการของศาสตร์พระราชาการ
เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา คือหลักการของศาสตร์พระราชา เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ และพัฒนาชีวิตของประชาชน
ด าเนินการอย่างมีแผนผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งใช่ความส าเร็จเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นหากแต่
เป็นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน 1 ศาสตร์พระราชา จึงเป็นโครงการที่ยังชีพให้ประชาชน ได้อยู่ดีกินดี
การแก้ปัญหาระดับรากหญ้าจึงเป็นศาสตร์ของการบริหารจัดการประเทศที่พระองค์ทรง
ตระหนัก และเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุตรงตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา นับเป็นความปราดเปรื่อง
ทางปัญญาอย่างแท้จริงการด าเนินชีวิตตามศาสตร์พระราชาหลักการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
รัชกาลที่ ๙ ทรงยึดแนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ท าลายทรัพยากรธรรมชาติวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของ
ชุมชน หากแต่ให้เกิดความสอดคล้องกับความเป็นอยู่โดยไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน บ้านก็มีผู้น า วัดมีพระสงฆ์
และโรงเรียนมีครูประสานสัมพันธ์ในชุมชน ชีวิตพื้นฐานคือการประกอบอาชีพ ภายใต้ปัจจัยสี่แต่ละพื้นที่
ย่อมมีอาชีพที่แตกต่างกัน ทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้มีการน้อมน าแนวพระราชด าริของพระองค์คือหลัก
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติเพื่อท าให้หลายชุมชนเกิดความเข้มแข็งเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่น เป็นไป
ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียงในท้องถิ่น ที่เน้นทั้งในด้านการเกษตรและแหล่น้ า วัฒนธรรมประเพณี
ของชุมชน จากหลักการดังกล่าวประชาชนได้น าไปศึกษามีความเข้าใจ น าไปสู่การปฏิบัติในการประกอบอาชีพ
แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อการด ารงชีวิตของตนและชุมชน ท าให้ทางคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครสวรรค์ ได้มองเห็นความส าคัญและจ าเป็นต่อนักศึกษาครูท าให้ทางคณะครุศาสตร์ ได้ด าเนินการจัด
โครงการนี้มาเพื่อสร้างให้นักศึกษาครูได้ตระหนักถึงความส าคัญและท าความเข้าใจในเรื่องของการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ในเรื่องศาสตร์พระราชา
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อให้นักศึกษาครูมีความรู้ ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่อง “ศาสตร์พระราชา”
2. เพื่อให้นักศึกษาครูมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการพัฒนาท้องถิ่นสู่ชุมชน
3. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษาครู ในการแก้ปัญหาชุมชนด้วยการท านวัตกรรมแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้
ระยะเวลาดำเนินการ

วันที่ 14 มีนาคม 2567
สถานที่จัดโครงการ/กิจกรรม
ณ ห้องประชุมสัมมนา 3 ศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์(ย่านมัทรี)
กลุ่มเป้าหมาย

ตัวแทนนักศึกษาคณะครุศาสตร์ในช่วงชั้นปีที่ 2 ทุกสาขาวิชา จ านวน 154 คน
ผลการประเมินโครงการตามตัวชี้วัดความส าเร็จของโครงการ
จ านวนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการบูรณาการศาสตร์พระราชากับการพัฒนาท้องถิ่น
ส าหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มีความรู้ ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่อง “ศาสตร์พระราชา” และสามารถ
น าไปประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอนได้พร้อมทั้งยังมีความเข้าใจในหลักการพัฒนาท้องถิ่นสู่ชุมชน
และพร้อมยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษาครู ในการแก้ปัญหาชุมชนด้วยการท านวัตกรรมแนวเศรษฐกิจ
พอเพียงมาใช้ โดยดูจากผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษา จ านวน 174 คน ผลจากวัดความพึ่งพอใจ
ในเรื่องขอหัวข้อ และเนื้อหาการอบรมเชิงปฏิบัติการตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการคิดเป็นร้อยละ 85 %
และในส่วนของเนื้อหากับเวลาในการอบรมเชิงปฏิบัติการมีความเหมาะสมของโครงการคิดเป็นร้อยละ 84.75% จากผู้เข้าร่วมอบรมจ านวน 174 คน